Healthty.in.TH

รักสุขภาพให้ออกกำลังกาย แต่ถ้ารักมากมายให้แม่มาขอ

สุขภาพ

ท้องเสียบ่อย เกิดจากอะไร และวิธีแก้อาการท้องเสียที่แนะนำ

ท้องเสียบ่อย เกิดจากอะไร และวิธีแก้อาการท้องเสียที่แนะนำ

อาการท้องเสียสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยผู้ป่วยบางรายจะหายได้ภายในวันสองวันแต่บางรายอาจจะถึงขั้นหมดสติและหามส่งโรงพยาบาลได้เลย โดยอาการท้องเสียเกิดจากสาเหตุอะไรและมีวิธีแก้อาการท้องเสียหรือไม่ ต้องทำอย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลมาบอกให้รู้กันแล้ว

สาเหตุที่ทำให้ท้องเสีย

อาการท้องเสีย ดูดไขมันหน้าท้องเกิดขึ้นได้จากหลายๆ สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเป็นพิษหรือการที่ผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสต่างๆ เวลาทานอาหารเข้าไปและไม่ดูดซึมทำให้ถูกขับออกมาทางอุจจาระและสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียนั้นได้แบ่งออกเป็น 3สาเหตุใหญ่ดังนี้

ท้องเสียที่ถ่ายเป็นน้ำ

ท้องเสียประเภทนี้มักเกิดจากสารพิษ Enterotoxin แบคทีเรียปนเปื้อนอาหารและจะขยายตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อทิ้งอาหารไว้ข้างนอกนานๆ ผู้ป่วยที่ได้รับสารนี้เข้าสู่ภายในร่างกายจะมีอาการท้องเสียท้องร่วงอย่างรุนแรง หรือภาวะอาหารเป็นพิษภายใน 1 – 6 ชั่วโมงหลังจากที่รับประทานอาหารเข้าไป แต่ในบางรายอาจจะมีอาการเป็นไข้ด้วยและถ้ารุนแรงมากก็อาจจะทำให้เสียชีวิตได้

ท้องเสียที่ถ่ายออกมาเป็นมูกเลือด

ท้องเสียประเภทนี้เกิดจากการติดเชื้อ Enteroinvasive E.coli หรือชนิดอื่นๆ เข้าไป ทำให้เยื่อบุลำไส้เกิดการอักเสบได้ง่าย และผู้ป่วยบางรายจะมีอาการไข้ขึ้นสูงและถ่ายเป็นมูกเลือดหากผู้ป่วยติดเชื้อและเกิดอาการขาดน้ำอย่างหนักจะทำให้เสียชีวิตได้

การได้รับเชื้อปรสิต

เชื้อปรสิตนั้นสามารถเข้าสู่ร่างกายของคนได้ผ่านทางอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน อาการท้องเสียอีกสาเหตุก็มักจะเกิดขึ้นจากการติดเชื้อปรสิต และเชื้อปรสิตที่พบคือ ไกอาเดีย เชื้อแอนตามีบาฮิสโตลิติกาหรือเชื้อบิดอะมีบาและเชื้อคริปโตสปอริเดียม หากผู้ป่วยติดเชื้อปรสิตเหล่านี้ก็มักจะมีอาการท้องเสีย

และนอกจากนี้อาการถ่ายท้องเสียก็อาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายๆ สาเหตุและปัจจัยอื่นๆ ได้เช่นกันอย่างเช่นอาการวิตกกังวล การแพ้สารอาหาร การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นต้น อาการท้องเสียทำให้ร่างกายขาดน้ำเลยทำให้ผู้ป่วยมีอาการคอแห้งและหิวน้ำบ่อย รวมถึงอาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้เช่น ภาวะไตวายฉับพลันโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ

วิธีแก้อาการท้องเสีย ทำอย่างไรได้บ้าง

หากผู้ป่วยรู้ตัวว่ามีอาการท้องเสียสิ่งสำคัญเลยคือจะต้องทำการรักษาร่างกายเพื่อไม่ให้ขาดน้ำเพราะอาการท้องเสียจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำเร็วมากผู้ป่วยควรดื่มน้ำบ่อยๆ หรือจะชงเกลือแร่รับประทานเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำโดยวิธีแก้ไขอาการท้องเสียเบื้องต้นผู้ป่วยสามารถทำตามดังนี้

1.ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ

หากรู้ว่าเกิดอาการท้องเสียอย่างแรกเลยผู้ป่วยจะต้องพยายามดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้มากๆ เพื่อทดแทนน้ำที่เสียไปและเพื่อป้องกันอาการกระหายน้ำ ตาแห้ง อ่อนเพลีย และวิงเวียนศีรษะตามมา

3.ชงเกลือแร่ดื่ม

หากผู้ป่วยมีอาการถ่ายเหลวมากเกินไปทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำเป็นจำนวนมากและร่างกายเริ่มอ่อนเพลียให้รีบชงเกลือแร่ผสมน้ำเปล่าในปริมาณตามคำแนะนำข้างซองเพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป โดยให้จิบบ่อยๆ ตลอดวันหรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น

3.ทานยาแก้ท้องเสีย

หากอาการไม่ดีขึ้นและยังมีอาการถ่ายของเหลวออกจากร่างกายบ่อยๆ สามารถทานยาแก้ท้องเสียได้เช่นยา คาร์บอน และยาผงถ่านถึงแม้ว่ายาสองตัวนี้จะไม่สามารถทำให้หยุดถ่ายได้ทันทีแต่ยาคาร์บอนจะช่วยดูดซึมสารเคมีและเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ออกจากร่างกายผ่านทางอุจจาระได้ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ด้วย

4.พักผ่อนให้เพียงพอ

เมื่อเกิดอาการท้องเสียจะทำให้ผู้ป่วยขาดน้ำและมีอาการอ่อนเพลียอย่างมากเพราะฉะนั้นผู้ป่วยจะต้องพักผ่อนร่างกายให้เพียงพอเพื่อทดแทนพลังงานที่เสียไป และนอกจากนี้ห้ามดื่มหรือทานอาหารที่จะไปกระตุ้นอาการท้องเสียอย่างเช่นอาหารที่เผ็ดหรือเปรี้ยวจัดอย่างนี้เป็นต้น

5.กินอาหารปรุงสุกและย่อยง่าย

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียการรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาดก็สำคัญด้วยเช่นกันควรเลือกทานอาหารสำหรับคนท้องเสียเพื่อที่ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ง่ายอย่างเช่นอาหารประเภทข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุปอย่างนี้เป็นต้นเพื่อนอกจากจะมีประโยชน์ย่อยง่ายแล้วยังช่วยให้ลำไส้ไม่ทำงานหนักอีกด้วย

6.พบแพทย์เพื่อเช็คอาการ

หากพบว่าอาการป่วยไม่ดีขึ้นและผู้ป่วยก็มีอาการท้องเสียเป็นน้ำเหม็นคาว ร่างกายอ่อนเพลีย สูญเสียน้ำเป็นจำนวนมาก หายใจไม่สะดวก ไข้ขึ้นสูง หรือถ่ายเป็นมูกเลือดปนออกมาด้วยควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพราะอาจจะเสี่ยงให้ไตวายและเสียชีวิตได้

อาการท้องเสียถึงจะไม่ใช่โรคที่รุนแรงแต่ก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้ หลีกเลี่ยงอาการท้องเสียด้วยการรักษาสุขอนามัยรับประทานอาหารที่ปรุงสุกสะอาดและหมั่นล้างมือให้สะอาดเป็นประจำเท่านี้ก็จะลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการท้องเสียได้แล้ว

Share this post

About the author